นกเค้าแมวไทย สัตว์หน้าตาตลกคล้ายแมว ล่าเหยื่อเหมือนเหยี่ยว

admin/ September 11, 2019

นกถือว่าเป็นสัตว์อีกกลุ่มหนึ่งที่มีความพิเศษในตัวเองค่อนข้างมาก ไม่เพียงแต่จะยึดครองผืนฟ้าเปรียบดั่งบ้านเท่านั้น พวกเค้ายังเป็นสัตว์ที่มีความหลากหลายสายพันธุ์ไม่แพ้สัตว์ชนิดอื่นเลย สำหรับนกไทยเองก็มีหลากหลายสายพันธุ์เช่นกัน หนึ่งในสายพันธุ์ที่เราคุ้นชื่อเป็นอย่างดีก็คือ นกเค้าแมว แต่นกชนิดนี้มีหน้าตาอย่างไร หลายคนอาจะนึกภาพไม่ออก เราเลยมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับนกที่ดูเหมือนน่ารักแต่เวลาล่าเหยื่อบอกเลยมันคือมือสังหารดีๆนี่เอง นกเค้าแมวหน้าตาเป็นอย่างไร สำหรับนกเค้าแมวนั้นจุดเด่นทางกายภาพที่เราเห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ ดวงตาของมัน ดวงตามันจะเป็นสีเหลืองกลมโตมาก ตาด้านหน้าของมันเปรียบเสมือนเรดาห์คอยค้นหาศัตรูเพื่อหลบหนี และ หาเหยื่อเพื่อเข้าไปกิน ถัดมาจะเป็นคิ้วดก หนา ปากเป็นจะงอยงุ้มปากแหลม บางตัวเป็นสีเหลือง น้ำตาล หรือ สีเนื้อ บนใบหน้าสีขนจะแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจนสวยงาม ถัดลงมาเป็นนิ้ว เล็บ จะมีความแข็งแรง งุ้มงอเพื่อเอาไว้เกาะต้นไม้ หรือ หลักเวลาร่อนลงมา อีกทั้งกรงเล็บนี่ยังเป็นเหมือนเครื่องคีบเหยื่อชั้นดีเวลามันโฉบลงมา นักล่ายามมือมิด นกเค้าแมวนั้น เป็นสัตว์ที่หากินในเวลากลางคืน อาหารหรือเหยื่อของมันส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน อย่างเช่น หนู กระรอก สัตว์เลื้อยคลานตัวอื่น โดยวิธีการกินเหยื่อของมันนั้น มันจะอาศัยการบินโฉบลงมาจากกิ่งไม้ตอนกลางคืน จากนั้นก็จับเหยื่อที่มองเห็นจากนั้นก็กลืนเข้าไปทั้งตัว แล้วคายสิ่งที่ย่อยไม่ได้ออกมาอย่าง กระดูก ก้อนขน อีกหนึ่งสาเหตุที่มันล่าสัตว์ตอนกลางคืนก็คือสายตาของมันเหมือนจะมองเห็นตอนกลางคืนได้ชัดเจนเหมือนกับใส่แว่นไนท์วิชั่นของพี่ทหารเค้าเลย อีกสาเหตุหนึ่งก็คือมันไม่สามารถต่อสู้กับนกล่าอาหารตอนกลางวันตัวอื่นได้ อย่าง เหยี่ยว อินทรี เผื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าที่มันสู้ไม่ได้แน่นอน การเลี่ยงไปหาอาหารตอนกลางคืนปลอดภัยกว่า นกปีศาจ นกตัวนี้มีลักษณะทางกายภาพที่โดดเด่นอย่างหนึ่งแม้แต่นกด้วยกันเองก็ยังทำไม่ได้เลยนั่นก็คือ คอ รู้หรือไม่ว่านกตัวนี้สามารถหันคอของมันได้มากถึง 270 องศาเลยทีเดียว ที่มันทำแบบนี้ได้ก็เพราะว่ามันมีกระดูกสันหลังตรงคอมากกว่า 14 ชิ้น ทำให้คอมีการบิดได้มากกว่าที่เราคิดไว้ ไม่เพียงเท่านั้นมันยังเป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังคอมากที่สุดในโลกเลยด้วย เวลาเห็นมันหันกลับมาตอนกลางคืนก็อย่าตกใจล่ะ

African Chinese Goose (ห่าน) สัตว์น่ารักหรือเพื่อธุรกิจ

admin/ June 5, 2019

ห่านแอฟริกันเป็นสัตว์ปีกขนาดใหญ่ มีลำตัวที่ใหญ่ ลำคอหนา มีท่าทางที่ร่าเริง ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งและพละกำลังที่มหาศาล อย่างไรก็ตามเจ้าห่านแอฟริกานี้ ไม่ได้มาบินมาไกลจากแอฟริกาหรอก การศึกษาประวัติศาสตร์ทำให้รู้ว่าพวกมันนั้น เป็นที่รู้จักกันในหลายชื่อ และพวกมันนั้นสามารถพบเห็นได้ในหลายทวีป ดูเหมือนว่าห่านแอฟริกันนั้น จะเดินทางมาถึงอเมริกาเหนือกับเรือพ่อค้าที่เดินทางรอบโลก ดังนั้นแหล่งกำเนิดที่แน่นอนนั้นไม่อาจบอกได้อย่างเจาะจง อย่างไรก็ตาม มันยังมีความเกี่ยวดองกับห่านจีน ทั้งคู่สืบเชื้อสายมาจากห่านป่าในเอเชีย ห่านแอฟริกันมีอยู่ 2 สายพันธุ์ที่พบเห็นได้บ่อยในอเมริกาเหนือ ส่วนใหญ่จะเป็น สีเทา สีน้ำตาล และ สีขาว ห่านจีน (Chinese goose) ห่านจีนสืบเชื้อสายมาจากห่านป่า เช่นเดียวกับห่านแอฟริกัน ปกติแล้วพวกมันจะมีขนาดตัวที่ใหญ่ ตัวผู้หนักประมาณ 5-10 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียจะหนักราว 4-9 กิโลกรัม พวกมันจะมีตุ่มตรงหัวขนาดใหญ่อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกับตัวผู้ ซึ่งจะใช้เวลาในการพัฒนาหลายเดือน จนกว่าจะใหญ่พอเพื่อนำไปใช้ในสังเกตเพศได้ ห่านจีนมีอยู่สองสายพันธุ์ ได้แก่ สีน้ำตาลคล้ายกับห่านป่าและสีขาว ห่านจีนเป็นหนึ่งในห่านสายพันธุ์ยอดนิยม ตัวเมียสามารถวางไข่รอบได้มากกว่า 50 ใบ แม้ว่าจะมีรายงานว่าห่านจีนวางไข่ได้มากถึง 100 ฟอง จุดประสงค์ของการเลี้ยงห่าน 1.ใช้เป็นสัญญาณเตือน เพราะพวกมันชอบร้องเสียงดัง เวลาที่มีอะไรแปลกๆ มันก็มักจะตกใจแล้วเริ่มส่งเสียงดัง สิ่งนี้สามารถใช้เพื่อเป็นประโยชน์ได้ หากคุณกังวลเกี่ยวกับการปกป้องทรัพย์สินเป็นพิเศษ แถมห่านนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าหมาเฝ้ายาม เพราะพวกมันไม่ถูกหลอกง่ายเหมือนกับหมา 2.เลี้ยงไว้เก็บไข่ เพราะไข่ของมันมีขนาดใหญ่ มีรสชาติอร่อย เทียบเท่ากับไข่ไก่ประมาณสามฟอง ไข่ห่านหนึ่งใบสามารถทำไข่เจียวกินได้สองคน ในขณะที่ห่านวางไข่ตามฤดูกาล ในฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อนเท่านั้น ไข่ของพวกมันจะทำให้คุณอิ่มไปตลอดเดือนเหล่านี้ 3.เนื้อห่านแสนอร่อย ไม่ใช่ทุกคนที่จะกินเนื้อห่าน แต่สำหรับบางคนมองว่ามันเป็นเนื้อแสนอร่อย เหมาะกับเป็นอาหารเฉลิมฉลองในครอบครัว (แต่อย่าลืมอีกเช่นกันว่าบางคนก็กินไม่ลง) 4.เพื่อความบันเทิง ห่านเป็นสัตว์ที่น่ารัก ความบันเทิงของห่านไม่สามารถประเมินได้ จนกว่าที่คุณจะได้สัมผัสมันกับตัวเอง พวกมันมีความอยากรู้อยากเห็น มีความกระตือรือร้นที่จะโผล่หน้ามาดูว่าคุณทำอะไร บ่อยครั้งที่มันชอบทำอะไรที่ตลกๆ สร้างรอยยิ้มให้กับสมาชิกครอบครัวได้อย่างมาก

นกอินทรีฮาร์ปี้ ราชาแห่งนกนักล่า ที่ทั้งท้องป่าต้องเกรงกลัว

admin/ April 19, 2019

เมื่อนึกถึงภาพนกอินทรีทะยานบินบนฟากฟ้า สยายปีกเหินเวลาด้วยความเร็วประมาณค่าไม่ได้ ทุกคนคงชอบดูและอยากรู้ว่าเจ้านกยักษ์ตัวนั้นกำลังจู่โจมสัตว์ใดเป็นอาหารในมื้อนั้น หนึ่งในนกอินทรีที่ต้องยกย่องว่ารวดเร็ว น่ากลัว ตัวใหญ่ยักษ์ ต้องยกให้กับเจ้านกอินทรีฮาร์ปี้ ราชาแห่งนกนักล่า ราชาแห่งนกล่า นกอินทรีฮาร์ปี้ นกอินทรีฮาร์ปี้ Harpy Eagles เป็นนกประจำถิ่นในแถบอเมริกา อินทรีนักล่าเหยื่อ ด้วยรูปร่างขนาดใหญ่ความสูงกว่า 90 เซนติเมตร ระยะปลายปีกทั้งสองข้างวัดยาวถึง 2 เมตร มีเล็บอันแหลมคมที่งอกออกมายาวกว่า 13 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 9-10 กิโลกรัม ถูกยกย่องว่าเป็นนกที่มีพละกำลังมากที่สุดในทวีปอเมริกา และมีขนาดใหญ่ที่สุดที่ในบรรดาสายพันธุ์อินทรีย์ที่ยังมีอยู่ในโลก พบเห็นในป่าฝนเขตร้อนทางตอนใต้อเมริกาและอเมริกากลาง ด้วยรูปร่างสูงขนาดใหญ่ปีกกว้าง แววตาดุดัน ลำตัวสีดำสลับขาว จะงอยปากสีดำสนิทดูน่าเกรงขาม เล็บอันแหลมคม ทำให้นักสำรวจยุคแรกๆ ต้องประหลาดใจกับเจ้านกอินทรียักษ์ตัวนี้ จึงตั้งชื่อตามตำนานของชาวกรีกว่า “ฮาร์ปี้” ซึ่งเป็นสัตว์ครึ่งผู้หญิงครึ่งนก อาวุธลับที่น่ากลัวที่สุดของนกอินทรีฮาร์ปี้คือกรงเล็บที่แข็งแกร่งมีขนาดใหญ่เท่ากับอุ้งตีนหมี เล็บยาวกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับกรงเล็บของนกอินทรีหัวขาว วารสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ทูเดย์ ถึงกลับเอ่ยความมหัศจรรย์ของนกอินทรีฮาร์ปี้ว่าสามารถขยุ้มลิง สลอท หรือเหยื่อตัวอื่นๆ ให้กระดูกแหลกได้เลย ความรวดเร็วดั่งสายลมกว่า 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้มันบินโฉบลงมาจับเหยื่ออย่างรวดเร็ว โดยไร้เสียงจนแทบจับตัวได้ยาก หากบินผ่านศีรษะไปเราอาจมองไม่เห็นมันด้วยซ้ำ ความร้ายกาจของราชาแห่งนกนักล่าไม่เพียงแค่เหยื่อตัวเล็ก แต่มันสามารถจับสัตว์ที่มีน้ำหนักมากกว่ามันถึงเท่าตัวได้ ดังนั้นเด็กทารกน้อยที่นอนในรถเข็นอาจถูกมันโฉบขึ้นฟ้าอย่างง่ายดาย แต่ความจริงแล้วมันไม่มีทางที่จะโฉบลูกคนไปได้หรอก เพราะในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีนกอินทรีฮาร์ปี้โจมตีมนุษย์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ความจริงมันค่อนข้างเป็นมิตรกับคนเสียด้วยซ้ำ เคยมีสารคดีจากสำรวจโลกถ่ายทำเรื่องราวชีวิตเจ้านกฮาร์ปี้กับเพื่อนมนุษย์ ทำให้หลายคนถึงกับอึ้งจากภาพที่มันบินมาเกาะแขนคนอย่างเฉลียวฉลาด และมันได้กลายเป็นนกประจำชาติปานามาไปแล้ว ปัจจุบันนกอินทรีฮาร์ปี้เริ่มลดประชากรลงเรื่อยๆ เพราะที่อยู่อาศัยทางธรรมชาติของพวกมันถูกทำลายลงจากฝีมือมนุษย์ แม้จะไม่ถูกจัดว่าใกล้สูญพันธุ์แต่มันกำลังเริ่มลดลงและหายาก รวมถึงตระกูลอินทรีตัวอื่นๆ ที่กำลังลดลงเช่นกัน

นกสวยงามที่มนุษย์นิยมนำมาเป็นเลี้ยง

admin/ October 29, 2018

นอกจากสุนัขและแมว ที่เป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิตประจำบ้านแล้ว ก็ยังมีสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่ปัจจุบันนี้ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เพราะตัวเล็กเลี้ยงง่าย มีความน่ารักแสนรู้เป็นอย่างมาก นั่นก็คือ นกสวยงาม นั่นเอง วันนี้เราจะมาแนะนำนกสายพันธ์ที่ได้รับความนิยมในการซื้อหามาเลี้ยงกัน   หงส์หยก ได้รับความนิยมมาก เพราะเพาะขยายพันธุ์ง่าย มีราคาถูก มีสีสัน ลวดลายต่างๆ สวยงามกว่า ตามธรรมชาติแล้วมันชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ถ้าเลี้ยงรวมในกรงใหญ่จะมีสังคม แต่ถ้าเลี้ยงเพียงตัวเดียวหรือคู่เดียว ก็ต้องมีของเล่นเยอะๆ หรือกระจกให้ เพื่อที่นกจะได้เข้าใจว่ามีตัวอื่นอยู่ร่วมด้วยนั่นเอง นอกจากนี้ยังใช้ส่องเพื่อตกแต่งขนด้วย อาหารโปรด คือ ข้าวฟ่าง , ผักใบเขียว และให้แร่ธาตุเสริม เช่น แคลเซียมจากลิ้นทะเลหรือกระดองปลาหมึก เป็นต้น เลิฟเบิร์ด นกแก้วตัวเล็ก แบ่งออกเป็น 9 ชนิด นกชนิดนี้มีเสน่ห์ , ขี้เล่น ชอบอยู่กันเป็นคู่ มีสีเยอะ อายุโดยเฉลี่ย 15 – 20 ปี ประเทศไทยสามารถเพาะพันธ์ได้ตลอดทั้งปี ทำให้คนไทยนิยมเลี้ยงนกชนิดนี้กันเป็นจำนวนมาก ราคา 500 ขึ้นไป ซันคอนัวร์ มีขนาดตัวเล็กกะทัดรัด จัดอยู่ในพันธุ์ปากขอ เมื่อโตเต็มวัยขนจะกลายเป็นสีเหลืองสดปนสีส้ม มีความสะดุดตามาก สามารถฝึกให้เชื่องได้ง่าย เพราะตัวเล็กเลี้ยงง่าย อีกทั้งยังมีค่าตัวไม่แพงมากจึงได้รับความนิยมสูง ลูกนกสามารถหาซื้อได้ทั่วไปในราคา 4,000 – 5,000 บาท ค๊อกคาเทล นกแก้วสายพันธุ์เล็ก มีลักษณะเด่นตรงที่มีหงอนเป็นทรงผมเท่ๆ ถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศออสเตรเลีย นิสัยน่ารัก ชอบความสงบ , ไม่ชอบเสียงดังโวยวาย ถ้าเป็นนกตัวผู้จะชอบร้องเพลง ถ้าเจ้าของเปิดเพลงเดิมซ้ำๆ ให้ฟังบ่อยๆ บางตัวก็สามารถร้องเพลงนั้นได้เลย แต่เสียงอาจจะไม่ชัดเหมือนนกแก้วชนิดสักเท่าไหร่ อีกทั้งยังเชื่อฟังง่าย และชอบให้เจ้าของมีเล่นกับมัน เช่น ลูบหัวเบาๆ หรือ ชวนพูดคุย เป็นต้น และถ้าอยากลองหามาเลี้ยง ก็ให้เลี้ยงตั้งแต่ยังเป็นลูกนกจะดีกว่า เพราะเวลาสอนหรือฝึกอะไร เขาจะทำตามอย่างเชื่อฟังมากกว่านกที่โตแล้วนั่นเอง อัฟริกันเกรย์ ถึงแม้ในเรื่องของความสวยงามจะไม่โดดเด่นเท่ากับสายพันธ์อื่นๆ แต่มีเอกลักษณ์ตรงที่ความเชื่อง และฉลาด สามารถฝึกให้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับมนุษย์ได้ เช่น เลียนแบบเสียงพูด , พูดคุยโต้ตอบ ในต่างประเทศได้รับการยกย่องว่าเป็นนกที่พูดเก่งที่สุดในโลก ด้วยเหตุนี้ถึงแม้จะไม่สวยงาม แต่ก็มีราคาค่อนข้างสูง

นก 10 ชนิดที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลก

admin/ October 17, 2018

เมื่อพูดถึงนกหลายๆ คนจะนึกถึงสัตว์มีปีกตัวเล็กน่ารัก อย่างนกกระจิบ หรือนกกระจอกซึ่งสามารถพบเห็นได้ตามทั่วไปในเมือง แต่วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ นกขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 10 อันดับกัน 10. Wandering Albatross นกพื้นเมืองอาศัยอยู่ทางภาคใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก มีด้วยกันถึง 24 สายพันธุ์ จัดเป็นนกมีขนาดใหญ่ที่สุดในสายพันธุ์นี้ มีน้ำหนักตัว 12 กิโลกรัม ชอบบินโต้ลม บินอยู่เหนือน้ำเพื่อหาอาหาร อาหารที่ชอบก็จะเป็นปลาตัวเล็กและปลาหมึก ช่วงฤดูผสมพันธุ์มันจะชอบมาชุมนุมกันเพื่อสืบพันธ์ หลังจากลูกของมันเกิด มันก็จะฝึกให้ลูกบินภายในเวลาไม่กี่เดือน 9. Mute Swan นกพื้นเมืองของประเทศยุโรป น่ารักคล้ายหงส์ มีขนาดใหญ่ 5 ฟุต มีน้ำหนัก 12–13 กิโลกรัม ซึ่งนกชนิดนี้ฉลาดมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีความก้าวร้าวผสมอยู่ด้วย สามารถจำผู้เลี้ยงได้อย่างแม่นยำ มันจะวางไข่ 5–6 ฟอง หลังจากผสมพันธุ์ ถ้ามันสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามมันก็จะโจมตีทันที 8. Dalmatian Pelican เป็นอีกสายพันธ์ของนกเก่าแก่มากที่สุดในโลก คุณสามารถพบเจอได้ในทวีปยุโรปกับเอเชียใต้ มีน้ำหนัก 12-14 กิโลกรัม โดยกินปลาเป็นอาหารหลัก 7. Andean Condor จัดอยู่ในตระกูลแร้ง พบได้ในบริเวณเทือกเขา Andes และชายฝั่งอเมริกาใต้ มีความสูงถึง 1.2 เมตร น้ำหนักก็มากถึง 15 กิโลกรัม ปีกของมันเมื่อกางยาวถึง 10 ฟุต ด้วยปีกขนาดนี้เอง จึงทำให้มันบินบนท้องฟ้าได้ อาหารของมันคือ “ซากศพ” ทั้งศพคนศพสัตว์ 6. Kori Bustard นกพื้นเมืองของแอฟริกา และทวีปออสเตรเลีย มีน้ำหนักตัว 20 กิโลกรัม แต่สำรับตัวผู้จะมีน้ำหนักมากกว่าตัวเมียถึง 2 เท่า ส่วนตัวเมียถ้ากางปีกมีความกว้างถึง 4 ฟุต แต่ตัวผู้จะมีขนาดถึง 9 ฟุต ด้วยกัน อาหารจานโปรด มีตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็กจวบไปจนถึงกิ้งก่า , ผลเบอร์รี่ 5. Greater Rhea นกขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ มีหน้าตาคล้ายนกกระจอกเทศ แต่มีน้ำหนักน้อยกว่ามาก คือ 35-40 กิโลกรัม พบได้ในบริเวณชุ่มน้ำ กินหญ้า , พืช , เมล็ดผลไม้ , แมลงเป็นอาหาร 4. Emperor Penguin เพนกวินจักรพรรดิสุดแสนจะน่ารัก พบได้ในทวีปแอนตาร์กติกา มีความสูง 45 นิ้ว น้ำหนักตัว 45 กิโลกรัม ถึงแม้ขาดูเล็ก แต่พวกมันสามารถเดินทางได้ไกลมากถึง 80 กิโลเมตร เพื่อหาอาหาร อีกทั้งยังดำน้ำได้ลึก 1,500 ฟุต เลยทีเดียว 3. Emu มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปออสเตรเลีย หนักถึง 50 กิโลกรัม แต่เรื่องน้ำหนักไม่ได้เป็นข้อจำกัดกับมันสักเท่าไหร่ เนื่องจากมันวิ่งได้เร็วถึง 50 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว ชอบอาศัยอยู่ในป่า , กินพืชผัก , ผลไม้ , แมลงเป็นอาหาร 2. Southern Cassowary นกพื้นเมืองของอินโดนีเซีย และสามารถพบเห็นได้ในประเทศออสเตรเลีย มีน้ำหนัก 75-80 กิโลกรัม บวกกับความสูงของมัน 5.1ฟุต อาหารหลักก็คือหญ้า ฝ่าเท้าของมันทนต่อความร้อนได้เป็นอย่างดี ในช่วงหน้าร้อนตัวเมียจะวางไข่ ประมาณ 8-10 ฟอง และเมื่อตัวเมียวางไข่แล้ว ตัวผู้จะมีหน้าที่ฟักไข่เป็นเวลา 50 วัน 1. Ostrich นกกระจอกเทศ เป็นนกที่เห็นได้ตามสวนสัตว์ น้ำหนักตัวของมันมากถึง 150 กิโลกรัม สูง 6 ฟุต 3 นิ้ว นอกจากจะมีขนาดใหญ่ที่สุดแล้ว ยังเป็นนกวิ่งเร็วที่สุดอีกด้วย โดยมันวิ่งได้เร็วถึง 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลยทีเดียว อาหารก็คือ ผลไม้ , ดอกไม้ หรือแมลงตัวเล็กๆ ชอบอาศัยอยู่เป็นกลุ่มประมาณ 10-50 ตัว

นกเรีย..ขาแข็งตัวใหญ่บินไม่ได้ ตัวผู้ฟักไข่..ชอบไล่ตัวเมียกระเจิง

admin/ April 25, 2018

ก่อนหน้านี้มีเกมอย่างฟาร์มวิลล์เป็นเกมเลี้ยงสัตว์บนโลกออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ช่วงปี 2552 มีผู้คนจากทั่วโลกจำนวนหลายล้านคนเข้าไปเลี้ยงสัตว์ผ่านหน้าจอมือถือ หน้าจอไอแพดกันอย่างครื้นเครงแล้วก็พบเจอกับสัตว์ชนิดต่างๆ มากมาย กระทั่งไอเดียดังกล่าวก็ไปจุดประกายในการเอาสัตว์เหล่านี้มาจัดโชว์เพื่อให้คนไทยได้เห็นและทำความรู้จักกับสัตว์นานาชนิดที่มีความแปลกใหม่ สัตว์หลายตัวคนไทยพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกก็มีซึ่งวันนี้จะขอแนะนำให้ได้รู้จักกับนกเรีย ทำความรู้จักกับนกเรีย นกขาแข็งแต่บินไม่ได้ ตัวผู้ฟักไข่ ไล่ตัวเมียกระเจิง นกเรียหรือบางกรณีก็เรียกกันว่า South American Ostriches เหตุเพราะเจ้านกสายพันธุ์นี้มีลักษณะรูปร่างใกล้เคียงกับนกกระจอกเทศ ถือว่าเป็นกลุ่มนกประเภทบินไม่ได้ มีขนาดใหญ่ราว 4.5 ฟุต หรือประมาณ 1.7 เมตร ส่วนความยาวลำตัวมีอยู่ประมาณ 4-4.5 ฟุต น้ำหนักตัวราว 55 ปอนด์ (ประมาณ 25 กก.) มีนิ้วเท้าทั้งหมด 3 นิ้ว บริเวณคอ หัว สะโพกจะมีขนอ่อนนุ่มปกคลุมไว้อยู่ ไม่มีหางตรงก้นหรือด้านหลังลำตัว นกเรียเป็นนกที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้บริเวณเชิงเขาแอนดีส ประเทศเปรู และบริเวณตอนใต้ของประเทศโบลิเวีย รวมไปถึงบริเวณที่ราบอันปกคลุมด้วยหญ้าแพมพัสของบราซิลกับอาร์เจนติน่า เป็นสัตว์ที่เลือกกินอาหารได้ค่อนข้างหลากหลายเน้นหนักไปทางผัก ผลไม้ พืชในตระกูลถั่ว ธัญพืชบางชนิด แต่ก็มีบ่อยครั้งที่พวกมันเลือกกินแมลง สัตว์เล็กๆ อย่างกิ้งก่า เป็นต้น ความน่าสนใจของนกเรียอีกเรื่องคือการสืบพันธุ์ เป็นนกชอบอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดเล็ก และมักพบว่าพวกมันอาศัยอยู่ปะปนกับพวกกวางฝูงใหญ่และสัตว์ชนิดอื่นๆ ขาของมันค่อนข้างแข็งแรงมาก ใช้ถีบ เตะศัตรูแบบรุนแรงได้ มีปีกขนาดเล็กมากทำให้ไม่สามารถบินได้ ตัวผู้จะร้องเสียงดังแต่ตัวเมียจะไม่ค่อยมีเสียงดังเท่าไหร่นัก ตัวผู้มีขนาดใหญ่และสีดำเข้มกว่าตัวเมีย พร้อมกันนี้ยังชอบคุมฝูงตัวเมียราว 5-20 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่มีเพียงแค่ 5-6 ตัว สำหรับนกเรียตัวผู้ใช้การสร้างรังจากการขุดหลุมตื้น นำหญ้าหรือใบไม้มารอง รังของพวกมันมักมีขนาดราว 1 หลา ด้านตัวเมียจะช่วยวางไข่ราว 20-50 ฟอง ลักษณะไข่เป็นสีเหลือง บางใบก็สีขาว ความยาวราว 5 นิ้ว ส่วนตัวผู้มีหน้าที่ฟักไข่ พอพวกมันทำการฟักไข่จะขับไล่ตัวเมียให้กระเจิงออกไปจากรัง ใช้เวลาฟักราว 40-45 วัน หรือ 6 สัปดาห์ ไม่ก็จนกว่าลูกนกจะฟักออกมาเป็นตัว

นกยักษ์แดนใต้ นกแคสโซวารี เป็นนกตัวใหญ่ที่บินไม่ได้

admin/ April 11, 2018

แม้จะขึ้นชื่อว่านกแต่ก็มีนกอยู่หลายสายพันธุ์ที่ไม่สามารถโบยบินบนท้องฟ้าได้ ด้วยข้อจำกัดหลายด้นของพวกมัน อาทิ ขนาดตัวใหญ่เกินไป มีปีกเล็ก และอื่นๆ อีกมากมาย กระนั้นพวกมันก็ทดแทนความสามารถที่ขาดหายไปด้วยสิ่งอื่น อย่างนกชนิดหนึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นนกขนาดใหญ่แต่บินไม่ได้เรียกว่า นกแคสโซวารี เป็นนกที่มีความน่าสนใจมาก ลองมาทำความรู้จักกับพวกมันดู รู้จักกับนกยักษ์แดนใต้ นกแคสโซวารี นกแคสโซวารี จัดเป็นนกขนาดใหญ่บินไม่ได้ เป็นญาติสนิทกับนกอีมูรวมถึงญาติห่างๆ ของนกกระจอกเทศ นกกีวี และนกเรีย ทุกวันนี้นกแคสโซวารีมีด้วยกัน 3 ชนิด คือ สองชนิดจะพบเฉพาะในป่าดิบของนิวกินีกับเกาะใกล้เคียง ส่วนอีกชนิดเป็นนกแคสโซวารีที่ใหญ่ที่สุดนั่นคือ นกแคสโซวารีถิ่นใต้ มีถิ่นอาศัยบริเวณภูมิภาคเวตทรอปิกส์ ตอนเหนือรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย บางตัวก็อาศัยลึกในป่าดงดิบ บางตัวอาศัยตามชายป่าหรืออาจเห็นเดินเล่นๆ ตามสวนหลังบ้านของคนก็มี ทว่านกแคสโซวารีไม่ใช่นกที่เราจะพบเห็นได้ในสวนสัตว์หรือสวนสาธารณะ หากเป็นเพศผู้เมื่อโตเต็มวัย เหยียดตัวเต็มที่ถือว่าสูงมาก มีน้ำหนักได้กว่า 50 กก. ส่วนเพศเมียเมื่อโตเต็มวัยจะสูงกว่านี้ได้อีกและสามารถหนักได้ถึง 73 กก. สำหรับนกในปัจจุบันที่ยังคงมีชีวิตอยู่จะมีเพียงนกกระจอกเทศเท่านั้นที่มีขนาดใหญ่กว่านกแคสโซวารี นกชนิดนี้มีขนสีดำขลิบ มีเกล็ดอยู่ตามขา เท้ามีสามนิ้ว นิ้วด้านในลักษณะคล้ายเดือยแสนน่ากลัว ปีกเล็กมาก คอยาว มีขนสั้นๆ คล้ายขนของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ส่วนผิวหนังภายในมีหลากสี เช่น สีแดง สีส้ม สีม่วง สีฟ้า คอด้านหน้ามีผิวหนังกลีบยาวเรียกว่า เหนียงคอ ห้อยออกมาสองเหนียง ดวงตาสีน้ำตาลโตใหญ่ จะงอยโค้งยาว โหนกแข็งแรงคล้ายเขาสัตว์ ความน่าสนใจอีกอย่างของนกชนิดนี้ที่ต่างจากนกกระจอกเทศคือหากคุณได้เห็นนกแคสโซวารีสัก 2-3 ตัวจะสามารถแยกออกได้ทันทีว่าความต่างของพวกมันมีตรงไหนบ้าง แม้ภายนอกอาจดูไม่มีอะไรแต่จริงๆ แล้วนกแคสโซวารีขึ้นชื่อในเรื่องความอันตรายไม่น้อยเพราะมันมีทั้งกรงเล็บกับแรงเตะอันหนักหน่วง แต่จริงๆ แล้วพวกมันเป็นสัตว์รักสงบหากไม่มีใครเข้าไปวุ่นวายก่อนก็จะไม่ทำอันตรายหรือไม่ยุ่งกับสัตว์ชนิดนั้นอันขาด ถือว่าเป็นนกขนาดใหญ่หาดูได้ยากและเป็นนกที่มีความงดงามตามแบบฉบับของตนเองได้อย่าน่าอัศจรรย์ทีเดียวสำหรับนกแคสโซวารี

แร้ง จากนกที่เหลือเฟือในไทย สุดท้ายกับกลายเป็นแค่ตำนาน

admin/ July 6, 2016

เมื่อพูดถึงนกที่หาอยากแล้ว ในประเทศไทยมีกฎหมายที่ช่วยในการคุ้มครองนกป่าที่หายาก สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธ์แล้วหลายชนิด แต่นกที่ไม่ว่าจะพูด จะเอ่ยถามกับใคร ทุกคนก็ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันและบอกว่ารู้จัก ก็คงหนีไม่พ้น “แร้ง” แร้งถือเป็นนกหายากในปัจจุบัน ที่มีลักษณะรูปร่างที่อัปลักษณ์ น่าเกียจ ทั้งยังกินซากสัตว์เป็นอาหาร รวมทั้งศพของมนุษย์ ที่ไม่มีใครได้พบเห็นในประเทศไทยอีกแล้ว ถ้าหากย้อนไปเมื่อ 100 ปีก่อน การดำเนินชีวิตของมนุษย์ยังไม่มีความเจริญมากนัก บ้านเมืองในประเทศเต็มไปด้วยผืนป่าใบเขียว ภูมิปัญญาชาวบ้านยังไม่มีการพัฒนาเทียบเท่ากับปัจจุบัน ทำให้ซากสัตว์ ซากศพ ถูกเก็บไว้อย่างเกลื่อนกลาดที่ป่าช้า ซึ่งถือเป็นแหล่งอาหารของแร้งอย่างดีและมีอย่างเหลือเฟือ ทำให้ในสมัยก่อนแร้งเป็นนกที่พบเห็นได้ง่ายและมีมากมาย แต่ด้วยยุคสมัยเริ่มมีการพัฒนามากขึ้น คนไทยเริ่มนำศพมาทำพิธีอย่างถูกวิธี การเผาทำลายศพ ทำให้แร้งไม่มีแหล่งอาหารอย่างที่เคย ทั้งมนุษย์ยังได้ใช้ยาเบื่อสำหรับหนูและสุนัข ทำให้แร้งที่ไปกินซากหนูหรือสุนัขพวกนั้น ได้รับพิษยาตามไปด้วย จนตายในที่สุด เหตุการณ์นี้ทำให้แร้งตายมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แร้งบางตัวต้องหนีตายไปป่า เพราะถือเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ทุกชนิด แต่ป่าก็ไม่ได้ปลอดภัยสำหรับพวกมัน นายพรานมักนำยาเบื่อมาป้ายให้กับเก้งกวางเพื่อเป็นการล้อเสือให้มากินศพ เพื่อที่จะไม่ต้องเสียกระสุนฆ่าเสือจนเกิดความเสียหายต่อหนังเสือให้เสียราคา แต่ไหนเล่ากับกลายเป็นแร้งที่ต้องเสียท่าทีกับนายพรานจนต้องเสียชีวิตเข้าไปอีก จนสุดท้าย ปัจจุบันนี้แร้งกลายเป็นนกในตำนานที่มีเพียงชื่อและรูปกายที่หลายคนพอนึกออก และถือเป็นนกที่สร้างความหลอนให้แก่คนไทยชนิดหนึ่ง เพราะมันมักกัดจิกทุกศพจนสภาพศพนั้นเละเกินกว่าที่จะรับได้ ซึ่งต้องขอขอบคุณ http://www.sbobetonline24.com ที่แชร์ข้อมูลดีๆ แบบนี้

รู้หรือไม่ว่านกกรงหัวจุกนั้นถือว่าเป็นสัตว์ปีกเศรษฐกิจเหมือนกัน

admin/ March 17, 2016

ถ้าถามถึงเกี่ยวกับพวกสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่อยู่ในธรรมชาติหรืออยู่ในป่าดิบชื้นหรือสถานที่ป่าทึบนั้นก็ถือได้ว่าเป็นสัตว์ที่หายากและควรคู่ที่จะอนุรักษ์เอาไว้นั้นเองดังนั้นในวันนี้นั้นเราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับนกสัตว์ปีกตัวน้อยที่มีราคาแพงมากและถือว่ากำลังเป็นที่นิยมกันมากเลยในตอนนี้และถือได้ว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีราคาแพงถึงหลักล้านกันเลยทีเดียวนั่นก็คือเจ้านกกรงหัวจุกนั่นเองถามว่าเจ้านกกรงหัวจุกนั้นมีต้นกำเนิดจากภาคไหนมากที่สุดนั้นก็คือภาคใต้และก็ได้ขยายอยู่ทั่วๆไปในป่าและที่เจ้านกตัวนี้นั้นได้เป็นสัตว์เศรษฐกิจก็เพราะว่าด้วยความสวยงามของมันนั้นทำให้ทุกๆคนนั้นมีความสนใจและสวยงามของมันเองอิกด้วย ด้วยจุดเด่นของมันคือส่วนบริเวณหัวของมันนั้นจะตั่งแหลมและมีสีแดงและแก้มของมันนั้นก็เป็นจุดสีแดงหนึ่งจุดและมันก็ยังมีเสียงขันที่ไพเราะมากและนั้นก็คือจุดกำเนิดของคำที่ว่านกเงินล้านเพราะว่าคนนั้นให้คนสนใจกันอย่างมากเลยทำให้มีการจัดประกวดการแข่งขันเสียงร้องของมันนั้นเองเพื่อชิงเงินรางวัลนั่นเองและมีเงินรางวัลสำหรับนกที่มีเสียงไพเราะเป็นหลักแสนหลักร้านและนกตัวไหนที่ได้รางวัลที่หนึ่งบ่อยๆนั้นราคาค่าตัวของนกตัวนี้นั้นก็เป็นหลักล้านได้อิกเหมือนกันนั่นเองอิกด้วยดังนั้นเจ้านกตัวนี้นั้นถึงได้ถูกพูดถึงกันหนาหูมากและทำให้ตอนนี้นั้นมีคนที่หันมาเลี้ยงเจ้านกตัวนี้นั้นเพื่อความสวยของเป็นอย่างมากอิกด้วยและนี่ก็คือต้นกำเนิดของคำที่ว่านกกรงหัวจุกนั้นถือว่าเป็นสัตว์ปีกเศรษฐกิจนั่นเอง  

สัตว์รักอิสระจะอยู่เป็นคู่เมื่อผสมพันธ์นกยูงสัตว์ปีกที่มีความสวยงาม

admin/ March 14, 2016

ถ้าถามถึงหรือพูดถึงเกี่ยวกับพวกสัตว์แล้วก็นั้นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้วพร้อมกับมนุษย์เรานั้นเองตั่งแต่สมัยตั่งแต่หลายพันปีมาแล้วนั่นเองและวันนี้นั้นสิ่งที่เราจะนำเอามาพูดคุยหรือนำเอามาพูดถึงกันนั้นก็คือสัตว์ปีกชนิดสองขาที่มีความสดสวยงดงามอิกหนึ่งชนิดจุดเด่นของมันก็คือมีขนที่ยาวและสวยงามเป็นจุดเด่นและชอบอยู่คนเดียวนั้นก็คือนกยูงหรือที่เรียกกันว่าพญานกยูงและที่เรานำเอาเรื่องของสัตว์ปีกตัวนี้นั้นมาพูดคุยก็เพราะว่าหนึ่งเลยด้วยความสวยงามของมันแล้วมันยังสามารถนำเอามาเลี่ยงดูได้อิกด้วยและขนของมันนั้นสามารถนำเอามาทำเป็นเครื่องประดำหรือของตกแต่งให้สวยสดงดงามได้อิกด้วยและยังสามารถทำไว้ประดับไว้กับของบูชาศักดิ์สิทธิ์ได้อิกด้วยหนึ่งเลยที่ขนของนกยูงนั้นมีราคาก็เพราะว่ามันไม่ได้มีกันมาง่ายๆกว่าจะยาวได้ขนาดนี้ต้องใช้ระยะเวลาอย่างมากเราต้องรอจนกว่าขนของมันจะหลุดร่วงเองถึงจะนำเอามาทำเป็นเครื่องประดำแจกันหรือเครื่องประดับอื่นได้อิกเช่นไว้ใช้ติดแต่งเครื่องดนตรีไทยจำเครื่องดีดสีตีเป่านั้นเองและมันยังถือว่าเป็นสัตว์แห่งการอนุรักษ์อิกด้วยเพราะว่ามันกำลังจะไม่ค่อยผสมพันธุ์เพราะว่ามันนั้นป็นสัตว์รักอิสละที่รักสันโดดอย่างมากจะอยู่เป็นคู่ก็ต่อเมื่อมันจะถึงฤดูผสมพันธุ์เท่านั้นล่ะจะออกลูกมานั้นไม่กี่ตัวไม่เกินสามถึงสี่ตัวระยะเวลาเวลาในการอายุไขของนกยูงนั้นอยู่ได้ไม่เกินสิบปีนั่นเองดังนั้นจึงได้มีการจัดการรณรงค์ให้มีการสืบสารและดูแลเจ้าสัตว์ตัวนี้นั้นเป็นอย่างดีและนี่ก็คือเอกลักษณ์ของสัตว์ปีกตัวนี้